ยู-กวานซุน : ฉันคืออิสรภาพ


       สงครามนำมาซึ่งบาดแผลและความสูญเสีย ฝ่ายที่พ่ายแพ้สงครามมักจบด้วยการเป็นเมืองขึ้นของฝ่ายที่ชนะ เช่นเดียวกับประเทศเกาหลีที่ถูกประเทศญี่ปุ่นปกครองในปี 1910 จากการถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญาผนวกดินแดน ญี่ปุ่น-เกาหลี โดยหลังจากนั้นญี่ปุ่นได้ทำการโค่นล้มราชวงศ์โชซอนและนำกองกำลังเข้าควบคุมชาวบ้าน สั่งปิดสถานศึกษา และบังคับให้เรียนภาษาญี่ปุ่น ใช้ชื่อภาษาญี่ปุ่น ยึดครองระบบขนส่งและสื่อสารทั้งหมด จนกระทั่งในวันที่ 1 มีนาคม 1919 ก็ได้มีการเคลื่อนไหวในกรุงโซลเพื่อต่อต้านกองกำลังญี่ปุ่น โดยมีชื่อในการเคลื่อนไหวนี้ว่า 1st March of Movement (삼일운동)
 

 photo �1_zpsy5nf8pc1.jpg


ขอบคุณรูปภาพจาก - http://pann.nate.com/talk/325558330?page=1


       การเคลื่อนไหวในครั้งนั้นมีแกนนำทั้งสิ้น 33 คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวอายุเพียง 17 ปี ชื่อว่า ยู-กวานซุน (유관순) เป็นนักเรียนของโรงเรียนสตรีอีฮวา แต่โรงเรียนถูกสั่งปิดโดยกองกำลังญี่ปุ่น และจากการเคลื่อนไหวนี้ทำให้มีผู้ชุมนุมร่วมเรียกร้องเอกราชเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยู-กวานซุนยังได้เปล่งเสียงแสดงการต่อต้านกองกำลังญี่ปุ่นว่า เกาหลีจะเป็นอิสรภาพ (대한독립만세 แทฮัน ดงนิบ มันเซ) ทำให้ทหารญี่ปุ่นออกมาสลายการชุมนุม และมีผู้เสียชีวิต 19 คน รวมถึงพ่อและแม่ของยู-กวานซุนด้วย ส่วนตัวเธอถูกจับและถูกคุมขังที่คุกซอแดมุน
 

 photo �2_zpsecy5bewa.jpg


ขอบคุณรูปภาพจาก - http://www.newsmission.com/news/news_view_mobile.asp?seq=36404


       ยู-กวานซุนถูกคุมขังในเรือนจำหญิงห้องหมายเลข 8 กับนักโทษหญิงอีกคนที่ชื่อ อิม-มยองแอ ระหว่างที่อยู่ในคุกซอแดมุน ยู-กวานซุนถูกทรมานนับครั้งไม่ถ้วนและเสียชีวิตลงในวันที่ 28 กันยายน 1920 ซึ่งเธอมีอายุได้เพียง 17 ปี กับอีก 9 เดือนเท่านั้น (ยู-กวานซุนเกิดวันที่ 16 ธันวาคม 1902) และก่อนเสียชีวิตเธอได้ทิ้งคำสั่งเสียไว้ว่า “แม้ว่านิ้วของฉันจะหลุด จมูกและหูของฉันจะขาด แขนและขาของฉันจะหัก แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายนี้ไม่อาจเทียบได้กับความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียชาติ ฉันเสียใจเพียงอย่างเดียวคือไม่อาจมีชีวิตเพื่ออุทิศให้ประเทศต่อไปได้อีกแล้ว” ซึ่งหลังการเสียชีวิตของเธอทำให้ชาวเกาหลีลุกฮือขึ้นสู้และต่อต้านเป็นระยะ ๆ จนสุดท้ายเกาหลีก็เป็นอิสระจากญี่ปุ่นในวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ปี 1945 ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเหตุการณ์ข้างต้นจึงเป็นที่มาของวันหยุดประจำชาติเกาหลีในปัจจุบันคือ วันที่ 1 มีนาคม เป็นวันอิสรภาพ (삼일절 ซัมอิลจอล) และวันที่ 15 สิงหาคม เป็นวันฉลองอิสรภาพ (광복절 ควังบก-จอล)
 

 photo 3_zpsvprkcisf.png


ขอบคุณรูปภาพจาก - https://www.kbrockstar.com/archives/124563


        ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์ของยู-กวานซุนอยู่ที่เมืองชอนอัน นอกจากนั้น ตามโรงเรียนต่าง ๆ ก็จะมีรูปปั้นของเธอเช่นเดียวกัน เพราะเธอเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรักชาติ ความกล้าหาญ และเป็นตัวแทนของการเปิดเสรีภาพทางการศึกษาของสตรี คนเกาหลีมีความเชื่อที่เล่าต่อกันมาว่า รูปปั้นของยู-กวานซุนที่อยู่ตามโรงเรียนต่าง ๆ เมื่อถึงวันที่ 1 มีนาคม และวันที่ 15 สิงหาคม มักจะขยับและเดินไปมาภายในโรงเรียน พร้อมเปล่งเสียงคำว่า อิสรภาพ หรือบางทีก็ร้องเพลงเกี่ยวกับอิสรภาพของเกาหลี ทำให้นักเรียนไม่กล้าอยู่โรงเรียนดึกในวันดังกล่าว
 

 photo �4_zps6lajko7b.jpg


ขอบคุณรูปภาพจาก - http://blog.daum.net/domountain/17949191


       ทั้งนี้ ภายหลังจากการเป็นอิสระจากญี่ปุ่น เกาหลีก็ยังคงมีปัญหาด้านการปกครองตามมา เนื่องจากมีการแบ่งประเทศออกเป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ โดยท่านสามารถอ่านได้จากบทความ >>หมู่บ้านพันมุนจอม : กำแพงเบอร์ลินแห่งเกาหลี<<


เอกณัฏฐ์ สวัสดิ์หิรัญ TPA Press

ขอบคุณภาพ Thumbnail จาก http://cognate.ildaro.com/category/%EC%9D%BC%EB%8B%A4%EC%99%80%20%ED%95%A8%EA%BB%98