ศาลเจ้านี้มีความลับ...ใช่ไหม ?


        เมืองเกียวโตนี่ให้อารมณ์แบบจังหวัดพระนครศรีอยุธยาบ้านเรา คือวัดวาอารามหรือศาลเจ้าที่นี่มีมากมายราวกับดอกเห็ด กระจายอยู่ทั่วเมือง ประมาณว่าเดินเล่นตามถนนเฉย ๆ ก็เจอวัดรัว ๆ แล้วครับ นอกจากนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ (และแฝงไปด้วยความน่าสะพรึง) แห่งหนึ่งในละแวกเมืองเกียวโตที่มีความโดดเด่นเป็นที่น่าจดจำ มีกิมมิกเป็นของตัวเองชัดเจน จะเป็นที่อื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (伏見稲荷大社)มา ๆ มีเรื่องสนุก ๆ จะเล่าให้ฟังครับ

        ภาพจำของศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ คือ ภาพ
ประตูโทริอิ (鳥居) สีส้มแดงจำนวนมหาศาล หลากหลายขนาด วางเรียงรายติด ๆ กัน ทอดตัวเป็นอุโมงค์ยาวขึ้นไปทางยอดเขาเป็นระยะทางกว่า 233 เมตรเลยทีเดียว โทริอิเหล่านี้มาจากการบริจาคของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลครับ นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปชมความเว่อร์วังอลังการของประตูโทริอิกันในเวลากลางวัน เพราะสีสันสดใส (ได้รูปโปรไฟล์สวย ๆ ...) ดูน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ด้วยความที่คิวเดินสายทัวร์เกียวโตเมื่อครั้งนั้นค่อนข้างแน่นมาก ทำให้กว่าจะย่ำเท้าลงบนบริเวณศาลเจ้าแห่งนี้ได้ก็เล่นเอาตะวันตกดินไปพักใหญ่ ๆ แล้ว ภาพที่เห็นเบื้องหน้าในเวลากลางคืนนี่มันต่างกับเวลากลางวันสุดขั้วเลยนะครับ บรรยากาศดูอึมครึม เงียบมาก ถึงมากที่สุด มีแต่คนเดินสวนออกมา ไม่ยักมีคนเดินตามเข้าไปเท่าไร...แต่มาแล้วก็ไม่อยากเสียเที่ยว ขอเดินชมบรรยากาศสักหน่อย
 

 photo SAM_3117_zpsvfyqwxtf.jpg


        อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้ดูน่าขนลุกในเวลากลางคืนคือ สุนัขจิ้งจอก (キツネ) ครับ มาในรูปแบบรูปปั้นเอย ตุ๊กตาเอย สามารถพบได้เป็นระยะ ๆ ตามทางเดินในศาลเจ้า ขณะที่เดินไปใจก็ได้แต่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่รู้จะกลัวอะไร ไม่ทันไรก็มาหยุดอยู่ที่หน้าปากทางของอุโมงค์โทริอิอันเลื่องชื่อแล้วครับ ตรงปากทางทำเป็นทางเข้า 2 ทาง ก็เลยตัดสินใจเลือกเข้าทางซ้ายซะเลย น่าตื่นเต้นมาก เพราะมืดมาก มีแสงไฟรำไร อากาศก็เบาบางและเย็นลง ๆ ขณะที่ทางเดินในอุโมงค์ค่อย ๆ สูงขึ้น ๆ เรื่อย ๆ กำลังในการไต่ทางเดินขึ้นไปก็เริ่มหมด หอบเป็นหมาเลย ยังดีที่ระหว่างทางมีจุดชมวิวแสงไฟจากเมืองเบื้องล่างให้ชมด้วย ถือเป็นการพักเหนื่อยชั่วครู่ จนแล้วจนรอดก็กัดฟันขึ้นไปจนถึงบนเขาจนได้ ในใจตอนนั้นคือไม่เอาแล้ว เหนื่อยเกิน ขอลงเร็ว ๆ เลยดีกว่า ความพีคมันอยู่ตรงขาลงครับ เพราะ หาทางลงไม่เจอ เราว่าขาขึ้นมาเราก็พยายามดูป้ายแล้วนะว่าตรงไหนชี้ไปทางลง พออีตอนจะลงทำไมมันหายไป ขนาดว่าขึ้นทางไหนลงทางนั้น ไม่ได้วนลงตามลูปปกตินะครับ ยิ่งเดินก็ยิ่งเหมือนไม่ลงเขาสักที หลงไปทางที่ไม่คุ้นเรื่อยเปื่อย เหนื่อยจะขาดใจ รอก็ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงดึกมาก เดี๋ยวรถหมดอีก ชาวญี่ปุ่นแถวนั้นก็ไม่มีเหลือสักคน แทบร้องไห้เลยครับ แต่ในชั่วอึดใจที่จะสิ้นหวังก็ปรากฏร่างของชายสูงวัยชาวญี่ปุ่นโผล่ขึ้นตรงหน้า จะรออะไรละครับ ไม่รู้ว่าพี่แกจะลงหรือขึ้น ขอตามไปดีกว่าตายอย่างเดียวดาย (น่าอนาถปนสมเพชพิลึก) สุดท้ายก็ออกมาจากเขาวงกตโทริอิได้ รีบเผ่นขึ้นรถไฟกลับที่พักในสภาพใกล้ม้วยก็ไม่เชิง...
 

 photo SAM_3141_zpsiyr0aukp.jpg


มีความหลอน...

 

 photo SAM_3154_zpssbg49tlj.jpg


วิวเบื้องล่าง


        นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรมาเที่ยวศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ เวลากลางวันจะเวิร์คกว่า แต่ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศชวนขนลุก เชิญมาตอนกลางคืนเลยครับ ฟินสุด ไม่แน่ว่าศาลเจ้าแห่งนี้อาจจะมีสิ่งลี้ลับอยู่ ก็-เป็น-ได้

เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ
        การเดินทางไป-กลับตามลูปตลอดระยะทางของอุโมงค์โทริอิใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ! รวมระยะทาง 4 กิโลเมตร !! (มิน่าละ T T) แต่ถ้าเดินถึงจุดชมวิวจะใช้เวลาเพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ส่วนสุนัขจิ้งจอกที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ว่ากันว่าเป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งธัญพืช และเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำศาลในศาสนาชินโตของศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ อีกด้วยครับ


อาทิตย์ นิ่มนวล TPA Press