เกียวโต เมืองเก่าของเราแต่ก่อน


        หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่อินกับวัดวาอาราม บรรยากาศร่มรื่น ๆ วินเทจหน่อย ๆ (หรือแถวบ้านเรียกว่าโบราณ) แนะนำให้มาที่เกียวโต (京都) เลยครับ บรรยากาศภายในเมืองจะคล้าย ๆ จังหวัดอยุธยาบ้านเราเลย เพราะที่นี่เต็มไปด้วยวัดมากมายกระจายอยู่ทั่วเมือง แถมเป็นวัดดัง ๆ ซะด้วยสิ ถ้าดูจากแผนที่ เกียวโตอยู่ห่างจากโอซาก้าไม่มากนัก เหมือนกรุงเทพฯ กับสมุทรปราการ แต่เอาเข้าจริงนั่งรถไฟกันสักพักเลยนะครับ ก้นกำลังบานได้ที่เลย ฉะนั้น ถ้าอยากเที่ยวครบ ๆ แนะนำให้ออกแต่เช้าตรู่จะดีที่สุด ครั้งนั้นที่ได้มีโอกาสไปสัมผัสเกียวโตข้าพเจ้ามีบัตรเบ่ง หรือ JR Pass แบบ 7 วัน 7 คืน ทั่วประเทศ (อวดแป๊บ) ก็เลยนั่งชิงกันเซนไปลงที่สถานี Tokaido (東海道) อย่างมีระดับอัพเกรด สบายแฮ
 

 photo kyo-navi_japanvisitorblogspotcom_zps7700c0df.jpg


ขอบคุณรูปภาพจาก - japanvisitor.blogspot.com


        พอออกจากสถานีปุ๊บ ผงะปั๊บ เพราะคนมหาศาลจริง ๆ คืออยากถามว่าพวกพี่จะแห่มากันทำไมที่นี่ครับ ที่แซบกว่านั้นคือ เราจะตะลอนเก็บ RC ทั่วเกียวโตด้วยรถเมล์ แล้วที่นั่นเหมือนเป็นชุมทางรถเมล์ กว่ากะเหรี่ยงไทยจะหาทางออกไปที่ป้ายรถได้กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่โชคดีที่สถานีรถไฟมีจุดบริการนักท่องเที่ยวให้เข้าไปช็อปปิ้งโบรชัวร์แนะนำสถานที่ได้ฟรี ๆ พร้อมขายบัตรนักท่องเที่ยวชนิด One-Day Pass ให้ด้วย (ราคาเหมาจ่าย สามารถใช้บริการรถโดยสารสาธารณะได้ไม่จำกัด) หรือถ้าใครมีเวลามากกว่านั้นจะซื้อเป็นแบบ 3 วันก็ได้ครับ อันนี้ก็ถือเป็นบัตรเบ่งอีกประเภท ช่วยให้คุณดูมีระดับขึ้นไปอีก ซื้อบัตรเรียบร้อยก็หาทางไปที่ป้ายรถกัน...คุณพระ สายรถเยอะแยะ โอย มึนจังตู แต่คิดในใจว่ามันต้องทำได้สิ ว่าแล้วก็ไปเดินดูตามป้ายรถเมล์ที่ตั้งเรียงรายเต็มไปหมดว่าสายไหนที่ผ่านวัดคิโยมิสึ (清水寺) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดน้ำใส (แปลตรงตัวเป๊ะ !) บ้าง เพราะเราจะเริ่มสตาร์ทจากวัดนี้เป็นวัดแรกครับ เป็นวัดดังอันดับต้น ๆ ที่คนมาเกียวโตต้องมา อารมณ์คล้าย ๆ ไปอยุธยาต้องไปวัดใหญ่ชัยมงคลเป็นวัดแรก (ก็ไม่รู้สินะ) นาทีนั้นใช้หลักการเดาจาก “จำนวนคน” ก่อน ป้ายที่คนต่อคิวยาวที่สุดมีสิทธิ์ที่จะเป็นวัดนี้ โน่นไง แถวยาวเป็นกิโลเลย ลองเข้าไปส่องซะหน่อย ตามคาด สายนี้ผ่านจริง ๆ ด้วยครับ นี่ถ้าไม่ติดว่าแบกหน้าตาของประเทศไทยไว้ทั้งประเทศ คงได้มีแสดงความดีใจออกนอกหน้ากันบ้าง
 

 photo sakura10_100404_kyoto_02-japan-guidecom_zps97e0a9c1.jpg


ขอบคุณภาพจาก - japan-guide.com


        พอรถมาก็ทยอยกันขึ้นไปบนรถเมล์ ได้นั่งซะด้วย กอดบัตรเบ่งไว้แน่นเลย ปัญหาต่อไปคือจะลงป้ายไหนล่ะ...เท่าที่จำได้คือว่าป้ายที่จะลงไม่ได้ชื่อเดียวกับวัด อุ้ย เอาละจุ้ย งานเข้า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอใช้ปฏิภาณอีกสักรอบ ป้ายไหนที่คนลงเยอะ ๆ เอาป้ายนั้นแหละ แต่เหมือนพระเจ้าจะรำคาญกับการมั่วของข้าพเจ้าแล้ว ขี้เกียจลุ้น จึงประทานเด็กนักเรียนวัยใสที่มาทัศนศึกษาเมืองเกียวโตขึ้นมาบนรถเมล์ แล้วก็แชทกันว่าจะลงที่วัดคิโยมิสึที่แรก หูผึ่งเลยสิครับ คิดในใจว่าน้องเป็นเหยื่อพี่แล้วล่ะ หึ ๆ (ยิ้มมุมปากแบบตัวร้ายในละคร)
        อะไรกัน มัวแต่ฝอยเรื่องอื่น ยังไม่ทันเข้าวัดก็หมดโควตาซะแล้ว เอาเป็นว่าครั้งต่อไปจะมาเล่าต่อนะครับ อย่างที่บอกไปว่าเมืองแต่ละเมืองของญี่ปุ่นนี่มีเรื่องให้คุยได้ไม่รู้จักหมด สนุกจริง ๆ

Small Tips

        ประเด็นดราม่าสำหรับการโดยสารรถสาธารณะก็ต้องนี่เลย “การลุกให้นั่ง” ที่ญี่ปุ่นจะไม่มีวัฒนธรรมการลุกให้นั่งเหมือนบ้านเรานะครับ คือถ้าจะลุกให้นั่งก็จะเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ที่แก่หง่อมจริง ๆ แต่เอาเข้าจริงก็จะไม่ลุกให้ใครนั่ง อย่างในช่วงเวลาเร่งด่วนยิ่งร้ายไปใหญ่ ไม่มีการลุกให้นั่งกันแน่ ๆ ครับ  เพราะเขาจะมีที่นั่งสำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็ก สตรีมีครรภ์อยู่แล้ว ใครที่บังเอิญนั่งทับที่นั้นต่างหากที่จำเป็นต้องย้ายก้นออกไปเมื่อถึงเวลา อีกประการหนึ่งคือ ผู้สูงอายุมักไม่เดินทางกันช่วงนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไปในตัว ทั้งนี้และทั้งนั้นก็มาจากความเกรงใจด้วยครับ เวลาเราลุก คนที่จะเข้ามานั่งก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วน เหมือนไปสร้างความเดือดร้อนให้ (ทำให้ต้องลุกให้นั่ง) ก็เลยเอาเป็นว่าช่วยเหลือตัวเองจะดีที่สุดครับ


อาทิตย์ นิ่มนวล TPA Press