ประเทศจีนที่สิ้นยุคลูกโทน
หนึ่งลูก สองลูก สามลูก ก็ยังไม่พอ... ก่อนหน้านี้เราอาจจะทราบกันอยู่แล้วว่าจีนเป็นประเทศที่เข้มงวดเรื่องการมีลูกมาก ถึงขนาดมีการบังคับใช้นโยบายการวางแผนครอบครัว (计划生育政策) One Child Policy ที่ว่าด้วยการจำกัดให้หนึ่งครอบครัวมีลูกได้เพียงคนเดียวมาตั้งแต่ปี 1979 เพื่อควบคุมอัตราการเกิดของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนล้นประเทศในสมัยนั้น และยังนำนโยบายนี้มาใช้ในสมัยปัจจุบันด้วย ดังนั้น ต่อให้ชาวจีนจะอยากให้กำเนิดทายาทมากกว่า 1 คนขนาดไหนก็ไม่อาจทำได้ ด้วยเกรงว่าจะถูกสั่งปรับจากรัฐบาลเป็นจำนวนเงินสูงถึง 4 เท่าของรายได้ต่อปีของครอบครัวนั่นเอง
ขอบคุณภาพจาก
http://www.worldcrunch.com/culture-society/time-to-abolish-china-s-one-child-policy/c3s5251/
แต่ทว่า หลังจากนโยบายนี้ได้ผ่านการถกกันในที่ประชุมของคณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนหลายครั้ง ก็เกิดการผ่อนปรนลงไปเป็นระยะ ซึ่งการผ่อนปรนนโยบายดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการที่ประเทศจีน เริ่มตกอยู่ในสภาวะที่มีผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 30 ของอัตราการเติบโตของจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยมีข้อกำหนดของแต่ละปีดังนี้
ปี 1979 กำหนดให้ชาวจีนทั่วประเทศมีลูกได้เพียง 1 คน ยกเว้นกรณีของชนกลุ่มน้อยและชาวจีนที่แต่งงานกับคนต่างชาติ ส่วนคนในชนบทจะอนุญาตให้มีทายาทคนที่สองได้ต่อเมื่อลูกคนแรกเป็นเพศหญิง
ปี 1988 ทดลองให้คู่สามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศสามารถมีลูกได้ 2 คน
ปี 2011 อนุญาตให้คู่สามีภรรยาที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวสามารถมีลูกได้ 2 คน โดยดำเนินการในหลายพื้นที่
ปี 2014 อนุญาตให้คู่สามีภรรยาที่คนใดคนหนึ่งเป็นลูกคนเดียวของครอบครัวสามารถมีลูกได้ 2 คน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2558 พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง (习近平) ก็ได้แถลงยกเลิกนโยบายดังกล่าว โดยอนุญาตให้สามีภรรยาคู่หนึ่งสามารถมีลูกได้ 2 คน (ไม่จำเป็นว่าสามีภรรยาคู่นั้นจะต้องเป็นลูกคนเดียว) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจระยะ 5 ปี (ปี 2016-2020) เพื่อหวังให้เกิดความสมดุลระหว่างจำนวนประชากรและอัตราแรงงานในประเทศให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต เรียกได้ว่าจากนี้ไปจะหมดยุคสมัยของชาวจีนครอบครัวเดี่ยวลูกคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
อรวิช ศรีลูกหว้า TPA Press
• ขอบคุณภาพ thumbnail จาก
http://www.allgirlsallowed.org/blog/posts/end-sight-recent-changes-and-future-one-child-policy
• ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www2.moc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7090
http://www.tnamcot.com/content/318829
http://www.mfa.go.th/business/th/news/84/41255
