รักเอย...จริงหรือที่ว่าหวาน


        ปกติวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก ในแบบสากล แต่สำหรับประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ บางประเทศมีวันแห่งความรักเป็นของตัวเอง ซึ่งตำนานที่เป็นที่มาก็ช่างซาบซึ้งกินใจเสียเหลือเกิน เรามาทำความรู้จักวันแห่งความรักในแบบจีนกันดีกว่าครับ

       
วันแห่งความรักของจีนคือวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี ชาวจีนเรียกเทศกาลนี้ว่า เทศกาลชีซี (七夕节) หรือ เทศกาลคืนวันที่ 7 (เป็นที่มาของเทศกาล ทานาบาตะของญี่ปุ่น และเทศกาล ชิลซอกของเกาหลีครับ) มีตำนานรักกล่าวถึงเทพธิดาองค์ที่ 7 ของเง็กเซียน ผู้มีความเฉลียวฉลาด กับหนุ่มเลี้ยงวัว ชายธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง ผู้เป็นที่มาของโศกนาฏกรรมแห่งรักครั้งนี้ เรื่องมีอยู่ว่าเง็กเซียนทรงรู้สึกว่าท้องฟ้าช่างขาดสีสันเสียจริง จึงรับสั่งให้ธิดาทั้ง 7 ทอผ้าตัดเสื้อให้ท้องฟ้าใส่ ธิดาทั้ง 6 ก็ทอกันแต่สีขาว ใช้ใส่ในยามที่ฟ้าปกติ และสีเทา ใช้ใส่ในยามที่ฟ้าครึ้มเมฆหม่นฝนจะตก ธิดาองค์สุดท้องจึงเกิดไอเดีย หยิบเอาดอกไม้ 7 สีในสวนมาทอผ้า เกิดเป็นเสื้อผ้าสีสันสดสวยเก๋ไก๋ให้ท้องฟ้าได้ใส่ พี่ ๆ ก็ต่างพากันแฮปปี้และตกลงกันว่าจะให้ท้องฟ้าใส่ในช่วงเช้าและเย็น องค์เง็กเซียนเองก็พอพระทัยเช่นกัน จึงประทานนาม สาวทอผ้า ให้กับธิดาองค์เล็ก
 


Credit : www.chinazwds.org


        ทอผ้าทั้งวันทั้งคืนก็ต้องเบื่อกันบ้าง สาวทอผ้าจึงแอบมองดูทิวทัศน์บนโลกมนุษย์บ้างอะไรบ้าง และเกิดไปต้องตาต้องใจกับ หนุ่มเลี้ยงวัว ซึ่งกำลังปฏิบัติกิจไถนาของตนอยู่ มีเพียงวัวแก่ ๆ ตัวหนึ่งเป็นเพื่อนยามเหงา ความสงสารนี่เองจึงเป็นบ่อเกิดแห่งความรักขึ้นมา วันหนึ่งวัวแก่พูด (??) กับหนุ่มเลี้ยงวัวว่า ทุกวันที่ 7 เดือน 7 พระธิดาทั้ง 7 ของเง็กเซียนจะลงมาเล่นน้ำกันที่สระน้ำบนโลกมนุษย์ หากเขาสามารถเก็บเสื้อผ้าของพวกนางไว้ได้ก็จะได้แต่งงานกับนาง ได้ยินดังนั้นหนุ่มเลี้ยงวัวจึงขอ เสี่ยงลองทำตาม ครั้นถึงวันตามที่วัวแก่บอก ธิดาทั้ง 7 ก็โดยสารเมฆ 7 สีลงมาที่สระน้ำแล้วเล่นน้ำกัน หนุ่มเลี้ยงวัวสบโอกาสเหมาะจึงรีบฉวยเอาเสื้อผ้าของสาวทอผ้าไว้ ขณะที่กำลังซุ่มดูอยู่นั้นพลาดท่าทำเสียงดัง พระธิดาทั้ง 7 จึงตกใจแล้วรีบจับเมฆหนีขึ้นสวรรค์กันอุตลุด ทิ้งไว้แต่น้องคนเล็กที่ไร้ผ้าห่อกาย (ดีจริง ๆ ...) หนุ่มเลี้ยงวัวจึงบอกกับสาวทอผ้าว่า หากนางยอมแต่งงานกับเขา เขาจะคืนผ้าให้ ด้วยความที่นางพึงใจกับหนุ่มหน้ามนคนนี้อยู่แล้วจึงตอบตกลงไปอย่างเหนียมอาย (แอบแรงนะครับนี่...)

        ทั้งคู่แต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบนโลกมนุษย์อย่างสงบสุข มีบุตรธิดาด้วยกัน
2 คน จนกระทั่งเง็กเซียนทรงรู้สึกผิดปกที่ไม่เห็นหน้าพระธิดาพร้อมกับพี่ทั้ง 6 และทรงล่วงรู้ว่านางได้อยู่กินกับมนุษย์จึงกริ้วมาก สั่งทหารสวรรค์ลงไปจับนางกลับขึ้นมายังสวรรค์ หนุ่มเลี้ยงวัวพยายามไล่ตามหญิงอันเป็นที่รักไป ทว่าองค์เง็กเซียนใช้ปิ่นปักผมของพระธิดากรีดท้องฟ้าออกกลายเป็นแม่น้ำกว้าง ขวางความรักของทั้งคู่ไปตลอดกาล...ด้วยความเมตตาของเหล่านกกางเขนที่ต่างพากันเรียงตัวทอดเป็นสะพานเชื่อมให้หนุ่มเลี้ยงวัวได้ไปพบกับสาวทอผ้า องค์เง็กเซียนจึงรู้สึกเห็นใจและยอมให้ทั้งคู่สามารถพบกันได้เฉพาะวันที่ 7 เดือน 7 วันเดียวเท่านั้น ด้วยประการฉะนี้ วันนี้จึงกลายเป็นวันแห่งความรักตามธรรมเนียมจีนครับ

        อ่านไปอ่านมารู้สึกไหมครับว่าเหมือนเรื่องอะไรของไทย ใช่แล้ว พระสุธน-มโนราห์ นั่นเอง พล็อตเรื่องจะคล้าย ๆ กันและเล่าสืบกันมาในหลายประเทศ แต่ก็ล้วนเป็นรักรันทดทั้งสิ้น

Small Tips

        ภาษาจีนเรียก หนุ่มเลี้ยงวัว ว่า 牛郎 (หนิวหลาง หนิว แปลว่า วัว) ส่วน สาวทอผ้า เรียกว่า 织女 (จือหนฺวี่ จือ แปลว่า ทอผ้า) และ รวมกันเป็น 牛郎织女 เป็นสแลงหมายถึง คู่รักที่พลัดพราก (น้ำตาจะไหล) ส่วนนกที่เรียงตัวกันเป็นสะพานคือ นกสี่เชว่ (喜鹊)หรือนกกางเขน เชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ และทุกวันที่ 7 เดือน 7 สาว ๆ จะพากันพยายามร้อยด้ายหลากสีผ่านรูเข็ม 7 เล่ม และใครที่สามารถทำได้ก็จะถือว่ามีฝีมือการเย็บปักฉกาจทัดเทียมสาวทอผ้าเลยครับ


อาทิตย์ นิ่มนวล TPA Press