โอโคโนมิยากิ...พิซซ่า (สไตล์) ญี่ปุ่นมาแล้วจ้า
 

        หลังจากคราวที่แล้วพาไปทัวร์ตลาดปลาทสึคิจิมา คราวนี้จะพาไปทัวร์ต่ออีกสักหน่อย แต่ไม่ได้พาไปเที่ยวแล้วนะ พามาทัวร์ “กิน” แทนจ้า (เหมือนนอกจากเรื่องกินแล้วก็ไม่ถนัดอะไรอีกเลยอะ) หลายคนคงรู้จัก “พิซซ่า” ที่เป็นอาหารประจำชาติของประเทศอิตาลีกันเป็นอย่างดีใช่ไหม ลองมารู้จัก “พิซซ่าญี่ปุ่น” บ้าง ฟังไม่ผิดหรอก...ที่ญี่ปุ่นก็มีพิซซ่าเหมือนกันนะ หลายคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นอาจจะนึกภาพออกแล้ว แต่หลายคนยังนึกไม่ออก เพราะฉะนั้น ตามธรรมเนียมเราต้องมีภาพปลากรอบ... (ภาพประกอบไหม ?) มาให้ดูเรียกน้ำย่อยกันสักหน่อย (เรื่องหารูปของกินก็ถนัดเช่นกัน)
 

 photo 01_zpsjhvjkudf.jpg
ขอบคุณรูปภาพจาก - http://www.kinta.co.jp/
 

        ควันฉุยมาเลยจ้า... คนที่ไม่เคยกินเห็นแวบแรกอาจจะเกิดความงุนงงเล็กน้อยว่ามันเหมือนพิซซ่าที่เคยกินตามร้านตรงไหน ไหนหน้าฮาวายเอี้ยน ไหนหน้าซีฟู้ด... คือจะบอกว่าช้าก่อน ที่เขาเรียกกันว่าพิซซ่าญี่ปุ่นก็แค่เพราะมีรูปร่างกลม ๆ เหมือนพิซซ่าเท่านั้น อันที่จริงแล้วอาหารจานนี้มีชื่อว่า “โอโคโนมิยากิ” (お好み焼 Okonomiyaki) ซึ่งเป็นการนำคำ 2 คำ คือ “โอโคโนมิ” ที่แปลว่า “สิ่งที่ชอบ” กับ “ยากิ” ที่แปลว่า “ปิ้ง ย่าง” มารวมกัน ก็จะได้ออกมาเป็น “การนำสิ่งที่ชอบมาปิ้งย่าง” ซึ่งก็หมายถึงวิธีการทำโอโคโนมิยากินั่นเองจ้า
 

 photo 02_zpskjlfnps3.jpg
ขอบคุณรูปภาพจาก - https://www.sagagocochi.jp/1315/
 

        ว่ากันว่าต้นกำเนิดของโอโคโนมิยากิอยู่ที่เมืองโอซาก้าตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โน่นแน่ะ โดยเริ่มแรกผู้คนจะเรียกว่า “โยโชคุยากิ” (洋食焼 Youshokuyaki) ที่แปลว่า “อาหารปิ้งย่างสไตล์ตะวันตก” เหตุที่เรียกแบบนี้เนื่องมาจากวัตถุดิบหลักที่ใช้คือ แป้งแบบตะวันตกและเนื้อสัตว์ โยโชคุยากิเป็นอาหารสำหรับคนธรรมดาสามัญที่มีราคาถูก จึงมีขายตามรถเข็นในตัวเมืองโอซาก้า ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรแป้งและรสชาติให้ถูกปากชาวโอซาก้ามากขึ้น จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื้อสัตว์อย่างหมู วัว และไก่มีราคาแพงขึ้น ส่งผลให้มีการเพิ่มผักอย่างเช่น กะหล่ำปลี รวมถึงนำหมึกหรืออาหารทะเลต่าง ๆ มาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำแทน และเปลี่ยนชื่อเรียกมาเป็น โอโคโนมิยากิอย่างที่พวกเรารู้จักในปัจจุบัน
 

 photo 03_zps5zodnzwe.jpg
โอโคโนมิยากิของโอซาก้า

ขอบคุณรูปภาพจาก
https://matome.naver.jp/odai/2147199418134965201/2147202250073361003
 

        นอกจากนี้ โอโคโนมิยากิยังมีวิธีทำแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ ถึงแม้ว่าจะใช้วัตถุดิบส่วนใหญ่ที่เหมือนกันก็ตาม แต่ที่เด็ดสุดจนเรียกได้ว่าเป็นตัวท็อป กินเข้าไปแล้วแสงแทบออกปากได้ต้องยกให้โอโคโนมิยากิจากเมืองโอซาก้าผู้เป็นต้นตำรับและเมืองฮิโรชิม่าเลยจ้า หลายคนอาจจะงงว่าแตกต่างกันตรงไหน มาดูกันเลยดีกว่า เริ่มจากรูปด้านบนนั่นคือโอโคโนมิยากิของโอซาก้า วิธีทำจะนำส่วนผสมทุกอย่างมาคลุกเคล้ากับแป้งที่เตรียมไว้ให้เข้ากันก่อน จากนั้นจึงค่อยนำไปย่างในกระทะ พอสุกแล้วก็ทาด้วยซอสโอโคโนมิยากิ (บางร้านใส่มายองเนสด้วยเพื่อเพิ่มความเข้มข้น) แล้วโรยหน้าด้วยปลาคัทสึโอบุชิตากแห้ง (鰹節 Katsuobushi) และสาหร่ายอาโอโนริ (青のり Aonori)
 

 photo 04_zpsytozzan1.jpg
ฮิโรชิมายากิ

ขอบคุณรูปภาพจาก
http://www.orangepage.net/recipes/detail_108623
 

        ส่วนโอโคโนมิยากิของเมืองฮิโรชิม่าจะเรียกว่า “ฮิโรชิมายากิ” มีความแตกต่างจากโอโคโนมิยากิของโอซาก้าตรงที่จะย่างเป็นชั้น ๆ เริ่มจากใส่แป้งบาง ๆ ลงในกระทะก่อน แล้วตามด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอยวางกองบนแป้งเป็นชั้นแรก (ว่ากันว่าร้านไหนทำให้กระหล่ำปลีหั่นฝอยกองพูนขึ้นสูง ๆ ได้แปลว่าร้านนั้นมีฝีมือมากทีเดียว) จากนั้นก็ราดแป้งลงไปซ้ำแล้วใส่ของที่ชอบเป็นชั้นต่อไปเรื่อย ๆ เช่น เนื้อสัตว์ เส้นโซบะ หรือเส้นอุด้ง เป็นต้น ปิดท้ายด้วยไข่ ทาทับด้วยซอสโอโคโนมิยากิ และโรยหน้าด้วยปลาคัทสึโอบุชิตากแห้งหรือสาหร่ายอาโอโนริเช่นกัน

        โอโคโนมิยากิจะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้น นอกจากฝีมือของคนทำที่ต้องทำให้แป้งและไส้สุกทั่วถึงกันแล้ว ซอสที่ใช้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น แต่ละร้านจึงคิดค้นซอสสูตรเฉพาะของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันและความใส่ใจในการทำอาหารของชาวญี่ปุ่นจนน่าไปตระเวนชิมโอโคโนมิยากิตามร้านต่าง ๆ ให้ถึงถิ่นเสียจริง ๆ

สุธินี เทียนกุล TPA Press