ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง
ตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมีที่มาจากหลายประเทศ ทั้งจากอินเดีย จีน และญี่ปุ่น ซึ่งมีนัยว่าอาจเป็นปีศาจตนเดียวกัน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการเผยแพร่วัฒนธรรมตามเส้นทางสายไหม (シルクロード) และถ่ายทอดไปยังประเทศญี่ปุ่น
เส้นทางสายไหม
ขอบคุณภาพจาก : wikipedia.org
ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ในภาษาญี่ปุ่นมาจากคำศัพท์ว่า 九尾の妖狐 (Kyuubi no Yooko) หากแปลตามตัวอักษรคันจิจะได้ว่า 九 แปลว่า (เลข) เก้า 尾 แปลว่า หาง 妖 แปลว่า มีเสน่ห์ น่าหลงใหล และ 狐 แปลว่า สุนัขจิ้งจอก คำว่า 妖狐 เมื่อนำมารวมกันจะได้หมายความว่า ปีศาจจิ้งจอกที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้
ตามความเชื่อนั้น ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางเกิดจากสุนัขจิ้งจอกที่อยากเป็นมนุษย์จึงบำเพ็ญเพียรเพื่อให้มีวิชาอาคม และเมื่อบำเพ็ญเพียรครบ 100 ปี จะมีหางเพิ่มขึ้นมาอีก 1 หาง และเมื่อบำเพ็ญเพียรจนมีครบ 9 หาง จะมีวิชาอาคมที่แกร่งกล้าเป็นอย่างมาก และสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้
ขอบคุณภาพจาก : devianart.net
ตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า ปีศาจตนนี้ได้แฝงตัวอยู่ในราชสำนักของญี่ปุ่นในรัชสมัยของจักรพรรดิโทบะ (鳥羽天皇 Toba Tennoo) หลังจากที่หลบหนีมาจากประเทศอินเดียและประเทศจีน โดยแฝงตัวมาในร่างของหญิงงามนามว่า ทามาโมะ โนะ มาเอะ 玉藻の前 (Tamamo no Mae) พระสนมของจักรพรรดิโทบะ ผู้ซึ่งทำให้จักรพรรดิโทบะลุ่มหลงในความงามของนาง จนสุขภาพของจักรพรรดิโทบะทรุดโทรมลงทุกวัน จึงได้มีการอัญเชิญนักพรตมาทำพิธีปัดรังควาน ก็พบว่าในวังมีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางสีทองแฝงตัวอยู่
เมื่อความแตก ทามาโมะ โนะ มาเอะ จึงได้คืนร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีทองตัวมหึมา มีเก้าหาง เหาะหนีไปบนท้องฟ้า กองทหารของจักรพรรดิโทบะได้ไล่ตามไปจนถึงที่บริเวณภูเขานาสุ (那須岳 Nasu Dake) เกิดการต่อสู้กัน และสามารถสยบจิ้งจอกเก้าหางลงได้ กลายเป็นหินเซ็ชโชเซกิ (殺生石 Sesshoo Seki) ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพจาก : nohthearte.wordpress.com
เอกณัฏฐ์ สวัสดิ์หิรัญ TPA Press