ฮานาโกะ : ช้างไทยในญี่ปุ่น


        ปี 2492 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช้างพังไทยเชือกหนึ่งอายุ 2 ขวบมีชื่อว่า “คชา” ถูกส่งตัวจากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงเป็นขวัญและกำลังใจให้เด็ก ๆ ในสมัยนั้นที่ประเทศเพิ่งจะพ่ายแพ้สงครามมา และเพื่อทดแทนช้างเชือกเดิมที่มีชื่อว่า ฮานาโกะ ซึ่งตายลงในช่วงที่เกิดสงคราม (ฮานาโกะเป็นช้างไทยเช่นเดียวกัน มีชื่อไทยว่า “วันดี”)
 

 photo 1_www.ehonnavi.net_zpshtgxujsj.jpg


ขอบคุณภาพประกอบจาก - www.ehonnavi.net


         ก้าวแรกที่คชาเหยียบลงบนแผ่นดินญี่ปุ่นคือที่ ท่าเรือโกเบ โดยมีพิธีต้อนรับกันอย่างเอิกเกริก เจ้าคชาเองก็แสดงความเป็นมิตรกับผู้คนที่ไปเฝ้ารอ เป็นสาเหตุให้มีคนรักและชื่นชอบเป็นอย่างมากและชาวญี่ปุ่นก็เรียกชื่อช้างตัวนี้ว่า “คชาโกะ” หลังจากนั้นคชาโกะก็ถูกส่งตัวไปที่สวนสัตว์ Ueno ทางสวนสัตว์ได้เปิดให้ประชาชนช่วยกันตั้งชื่อใหม่ให้กับ คชาโกะ โดยชื่อที่ได้รับการโหวตมากที่สุดก็คือ ฮานาโกะ (はな子 Hanako) ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับช้างไทยเชือกวก่อนที่ตายลงในสงคราม  หลังจากนั้นช้างเชือกนี้ก็มีชื่อว่าฮานาโกะจนถึงปัจจุบัน
 

 photo 2_blogs.yahoo.co.jp_zpsxcjzcm04.jpg


ขอบคุณภาพประกอบจาก - blogs.yahoo.co.jp


        ฮานาโกะอยู่ที่สวนสัตว์ Ueno ได้ 5 ปี จนในปี 2497 ก็ถูกย้ายไปอยู่ที่สวนสัตว์ Inokashira เมือง Kichijoji  หลังจากย้ายมาบ้านหลังใหม่ เจ้าฮานาโกะก็กลายเป็นขวัญใจประจำสวนสัตว์ เนื่องจากนิสัยที่ชอบให้คนมามุงดูเยอะ ๆ การหยิบสายยางมาฉีดน้ำเล่นกับเด็ก ๆ ที่มาเฝ้าชม ฯลฯ แต่แล้วก็มีเหตุสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในปี 2499 เจ้าฮานาโกะได้ทำร้ายชายคนหนึ่งซึ่งเมาเหล้าแล้วแอบเข้ามาในสวนสัตว์กลางดึกจนเสียชีวิต และในปี 2503 ก็ทำร้ายพี่เลี้ยงจนเสียชีวิตอีกคน ทำให้ทางสวนสัตว์มองว่าฮานาโกะเป็นตัวอันตราย จึงล่ามโซ่ไว้ทั้ง 4 ขา ทำให้ฮานาโกะมีสุขภาพย่ำแย่ลง ซึมเศร้า และร่างกายซูบผอมลงไปมาก ผู้คนที่มาเยี่ยมต่างก็สงสารและรับไม่ได้ จึงเขียนจดหมายขอร้องให้ทางสวนสัตว์ให้ปลดออกจากพันธนาการและดูแลให้ดีเหมือนเดิม
 

 photo 3_blog.goo.ne.jp_zpsc9ayeanz.jpg


ขอบคุณภาพประกอบจาก - blog.goo.ne.jp


        หลังจากมีผู้คนเขียนจดหมายเกี่ยวกับฮานาโกะไปทางสวนสัตว์มากขึ้น ๆ สุดท้ายทางสวนสัตว์ก็ปล่อยฮานาโกะเป็นอิสระและดูแลเหมือนเดิม และที่สำคัญได้พี่เลี้ยงคนใหม่ชื่อว่า เซโซ ยามากาวะ (山川清蔵 Yamakawa Seisou) ซึ่งดูแลฮานาโกะอย่างใกล้ชิด คอยฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจจนในที่สุดก็กลับมาเป็นช้างที่เชื่องและไว้วางใจคนอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น การดูแลอย่างใกล้ชิดของคุณเซโซยังทำให้ฮานาโกะติดคนเป็นอย่างมาก ชอบให้คนมาอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะคุณเซโซนั่นเอง และในปี 2549 ลูกชายของคุณเซโซ ชื่อ โคอุจิ ยามากาวะ ได้แต่งหนังสือชื่อว่า “ฮานาโกะ : ช้างที่คุณพ่อรัก” (父が愛したゾウのはな子 Chichi ga Aishita Zou no Hanako) เพื่อแสดงถึงความผูกพันและความจริงใจของพ่อเขาที่มีต่อเจ้าฮานาโกะ
 

 photo 4_www.amazon.co.jp_zps1qahfhio.jpg


ขอบคุณภาพประกอบจาก - www.amazon.co.jp


         ฮานาโกะถือได้ว่าเติบโตไปพร้อมกับประเทศญี่ปุ่นก็ว่าได้ เพราะมาอยู่ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับชาวญี่ปุ่นมามากมาย คนญี่ปุ่นรักฮานาโกะมาก มีการจัดงานวันเกิดให้ทุกปี และเมื่อปี 2550 ก็จัดงานแซยิดให้เจ้าฮานาโกะอย่างยิ่งใหญ่ ปัจจุบัน (ปี 2558) ฮานาโกะมีอายุ 68 ปีถือเป็นช้างที่มีอายุยืนที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แต่ร่างกายของฮานาโกะเองก็เริ่มหมดสมรรถภาพไปตามสังขาร ฟันเริ่มร่วงจนเกือบจะหมดปาก เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมี งวงก็ยกไม่ค่อยขึ้น กินอาหารได้น้อยลง และโชว์ตัวในสวนสัตว์ได้เป็นระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ต่อวันเท่านั้น
 

 photo 5_www.facebook.com..zounohanako_zpsfuabh68b.jpg


ขอบคุณภาพประกอบจาก - www.facebook.com/zounohanako


        ถ้าได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่าลืมแวะไปเยี่ยมเจ้าฮานาโกะกันด้วยครับ ไปบอกฮานาโกะว่า

“ขอบคุณ สำหรับการทำหน้าที่ทูตของประเทศไทยอันแสนยาวนาน”
“ขอบคุณ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นชอบช้างไทยและรู้จักเมืองไทย”
“คนไทยรู้จักฮานาโกะกันมากขึ้นแล้วนะ และจะไม่มีวันลืมเธอแน่นอน”


หมายเหตุ : ติดตาม Facebook ของเจ้าฮานาโกะ ที่แฟนคลับคนญี่ปุ่นทำขึ้นได้ที่ https://www.facebook.com/zounohanako


เอกณัฏฐ์ สวัสดิ์หิรัญ TPA Press