ซานาดะ ยุกิมุระ
ตามประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงสงครามกลางเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างปี 1477-1615 หรือที่เรียกว่า ยุคเซงโงกุ (戦国時代 Sengoku-jidai) ในยุคดังกล่าวได้ถือกำเนิดซามูไรที่มีชื่อเสียงมากมายหลายคน บทความนี้ผู้เขียนจะขอพามาทำความรู้จักซามูไรท่านหนึ่งที่มีความสำคัญและได้รับการยกย่องไม่แพ้ซามูไรท่านอื่น ๆ ซึ่งแม้ท้ายที่สุดจะพ่ายแพ้ในสงครามก็ตาม ชื่อของเขาก็คือ ซานาดะ ยุกิมุระ (真田幸村 Sanada Yukimura)
ภาพวาด ซานาดะ ยุกิมุระ
ขอบคุณภาพจาก - http://www.avis.ne.jp/~ammonite/sanadake.htm
ซานาดะ ยุกิมุระ เกิดเมื่อปี 1567 มีชื่อเดิมว่า ซานาดะ โนบุชิเกะ (真田信繁 Sanada Nobushige) เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของ ซานาดะ มาซายุกิ ในปี 1575 พี่ชายทั้ง 2 คนของมาซายุกิ (ลุงของยุกิมุระ) ได้เสียชีวิตลงในสมรภูมินางาชิโนะ เป็นผลให้มาซายุกิรับสืบทอดตระกูลซานาดะแทน และได้ย้ายไปอยู่ที่ปราสาทอุเอดะ (上田城 Ueda-jou) ซึ่งยุกิมุระก็ได้ย้ายตามไปด้วยเช่นกัน
ซานาดะ ยุกิมุระ จากเกม Sengoku Musou 1
ขอบคุณภาพจาก - http://tc.wangchao.net.cn/baike/detail_829929.html
ปี 1582 กองทัพของตระกูลซานาดะพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพของตระกูลโอดะ และยอมจำนนต่อ โอดะ โนบุนางะ (織田信長 Oda Nobunaga) แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อโนบุนางะถูกทรยศและถูกลอบสังหารที่วัดฮนโน (本能寺 Honno-ji) ดินแดนต่าง ๆ จึงแยกตัวเป็นอิสระ ส่วนตระกูลซานาดะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางตระกูลที่เข้มแข็งทั้งหลาย ได้แก่ อุเอสึงิ โฮโจ และ โทกุกาวะ ทำให้ตระกูลซานาดะต้องหาพันธมิตรและได้เข้าร่วมกับฝ่าย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (豊臣秀吉 Toyotomi Hideyoshi) ซึ่งยุกิมุระต้องไปอยู่กับโทโยโทมิในฐานะตัวประกัน แต่ฮิเดโยชิเลี้ยงดูยุกิมุระเป็นอย่างดี จนภายหลังถึงขั้นให้ใช้นามสกุลของตระกูลโทโยโทมิ ซึ่งมีตำแหน่งของตระกูลเป็นคัมปากุ (関白 kampaku) ซานาดะ ยุกิมุระ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า โทโยโทมิ ซาเอมน โนะ สึเคะ โนบุชิเกะ (豊臣真田左衛門之佐信繁 Toyotomi Sanada Saemon no Suke Nobushige)
ภาพวาด โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้ที่เลี้ยงดู ซานาดะ ยุกิมุระ เป็นอย่างดี
และอนุญาติให้ใช้นามสกุล โทโยโทมิ
ขอบคุณภาพจาก - http://www.geocities.jp/naporeon9/hideyosi.htm
หลังจากปี 1583 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ได้ครอบครองพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นมากมาย เข้ายึดพื้นที่เกาะคิวชูจนสุดเขตฝั่งตะวันตก กำจัดตระกูลโฮโจที่มีอำนาจทางฝั่งตะวันออกและบีบให้ โทกุกาวะ อิเอยาซุ (徳川家康 Tokugawa Ieyasu) ซึ่งเป็นคู่ปรับย้ายไปอยู่ปราสาทเอโดะทางตะวันออกไกล นอกจากนี้ ไดเมียวจากเกาะฮอนชูก็ขอเข้าสวามิภักดิ์ และในที่สุด ฮิเดโยชิก็สามารถรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวได้ ต่อมาก็ได้เปิดศึกกับประเทศเกาหลีเพื่อหวังขยายอาณาเขตครอบครองแต่ก็พ่ายแพ้กลับมาถึง 2 ครั้งด้วยกัน จนกระทั่งในปี 1599 ฮิเดโยชิก็ได้เสียชีวิตลง
ปี 1600 หลังจากที่ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เสียชีวิตก็เกิดการแย่งชิงอำนาจขึ้นระหว่าง โทกุกาวะ อิเอยาซุ และ อิชิดะ มิทสึนาริ (石田三成 Ishida Mitsunari) ขุนพลผู้จงรักภักดีของฮิเดโยชิ ซึ่งตระกูลซานาดะได้เข้าร่วมด้วย โดยมาซายุกิและยุกิมุระสองพ่อลูกได้เข้าร่วมกับฝ่ายอิชิดะ ส่วนพี่ชายของยุกิมุระที่ชื่อว่า ซานาดะ โนบุยุกิ ไปเข้าร่วมกับฝ่ายโทกุกาวะ แรงจูงใจในการดำเนินการครั้งนี้เกิดจากความเห็นของมาซายุกิและยุกิมุระที่ได้หารือกันและมีความเห็น 2 ประการ ประการแรก การเข้าร่วมฝ่ายที่เป็นรองอย่างอิชิดะ หากชนะสงครามได้ พวกเขาจะได้รับอาณาเขตที่มากขึ้นกว่าเดิมมากและจะมีอำนาจมากขึ้นอีก ประการที่สอง เพื่อความไม่ประมาท ต้องมีคนของตระกูลไปอยู่กับทั้งสองฝ่าย เพื่อกันความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับตระกูลขึ้นและสามารถรักษาตระกูลให้คงอยู่ต่อไป แต่ก็มีนักประวัติศาสตร์บางท่านให้ความเห็นว่า ที่โนบุยุกิไปเข้าร่วมทัพกับอิเอยาซุ เป็นเพราะโนบุยุกิเป็นลูกเขยของ ฮนดะ ทาดาคัทสึ (本多忠勝 Honda Tadakatsu) สุดยอดขุนพลแห่งโทกุกาวะ
ตระกูลซานาดะไม่สามารถต้านทานกองกำลังของตระกูลโทกุกาวะได้ จึงถอยร่นมายังปราสาทอุเอดะของพวกเขาเอง และมีกำลังพลเหลืออยู่เพียง 2,000 นายเท่านั้น แต่ก็สามารถต้านทานกองทัพโทกุกาวะที่มีไพร่พลถึง 40,000 นายซึ่งบุกมาปิดล้อมปราสาทอุเอดะจนทำให้กองทัพศัตรูบาดเจ็บเป็นจำนวนมากได้ ในที่สุดตระกูลซานาดะก็ต้านไม่ไหวจนพ่ายแพ้และถูกจับกุม หลังสงครามจบลงด้วยชัยชนะของตระกูลโทกุกาวะ ทางด้านอิเอยาซุต้องการประหารคนของตระกูลซานาดะทั้งหมด แต่ด้วยคำขอจากโนบุยุกิ พวกเขาจึงไม่ถูกประหาร แต่ถูกเนรเทศไปยังคุโดยามะ (ภูเขาคุโดะ) ในแคว้นคิอิ และมาซายุกิก็ได้เสียชีวิตที่นั่น
ขอบคุณภาพจาก
http://www.city.gyoda.lg.jp/41/03/10/bunkazai_itiran/sekigaharakassenzubyoubu.html
12 ปีต่อมา ตระกูลโทโยโทมิเริ่มรวบรวมโรนินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทำสงครามกับตระกูลโทกุกาวะอีกครั้ง ยุกิมุระได้หลบหนีออกจากคุโดยามะเพื่อเข้าร่วมสงครามและสามารถยึดครองปราสาทโอซาก้าไว้ได้ ต่อมาปราสาทโอซาก้าถูกปิดล้อมจากกองทัพตระกูลโทโยโทมิเพื่อหวังทวงปราสาทคืน ยุกิมุระประจำการป้องกันทางฝั่งใต้ของปราสาทโอซาก้าอันเป็นจุดที่ล่อแหลม และศัตรูก็บุกเข้ามาดังคาด กองทัพขนาด 7,000 นายของยุกิมุระได้ขับไล่กองทัพขนาด 30,000 นายของโทกุกาวะออกไปได้ในที่สุด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ยุกิมุระมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
อิเอยาซุรู้สึกโมโหจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงยกทัพใหญ่หวังทวงคืนปราสาทโอซาก้าอีกครั้ง ทางฝั่งยุกิมุระตัดสินใจว่าครั้งนี้จะไม่รบแบบตั้งรับแต่จะเดินหน้าบุกไปทำลายทัพใหญ่ของอิเอยาซุ โดยการโจมตีของเขาสามารถทะลุทะลวงไปจนเกือบถึงตัวอิเอยาซุ แต่ด้วยความที่ยุกิมุระฝ่าทัพใหญ่ของอิเอยาซุมา จึงทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตก่อนจะถึงตัวอิเอยาซุ กล่าวกันว่าอิเอยาซุหวั่นเกรงภาพของยุกิมุระเมื่อตอนรบตราบจนวันสิ้นใจของเขาทีเดียว
ซานาดะ ยุกิมุระ ได้รับการยกย่องจนถึงขั้นเป็นตำนานของซามูไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องเช่นนี้ส่วนใหญ่มากจากความภักดีที่เขามีต่อตระกูลโทโยโทมิ และความเก่งกล้าสามารถทั้งด้านการศึก การวางกลยุทธ์ที่เหนือชั้น จนสามารถใช้ทหารที่มีจำนวนน้อยกว่ามากต้านทานอิเอยาซุได้ แต่หากจะพูดถึงผลงานสำคัญ ๆ และวีรกรรมที่เขาทำไว้ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าซามูไรชื่อดังคนอื่นเท่าไรนัก แต่ด้วยภาพลักษณ์ของยุกิมุระก็ถือว่าสูงส่งมากในสายตาของนักประวัติศาสตร์รุ่นหลัง ตรงจุดนี้อาจเพราะเขาเป็นผู้แพ้ด้วยก็เป็นได้ เพราะผู้ชนะในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหลายคนมักมีนิสัยโหดเหี้ยม เด็ดขาด รุนแรง ซึ่งคนญี่ปุ่นค่อนข้างจะชอบและชื่นชมฝ่ายแพ้ที่มีคุณธรรมมากกว่า
รูปปั้น ซานาดุ ยุกิมุระ บริเวณสถานีรถไฟเมืองอุเอดะ
ขอบคุณภาพจาก
http://tokyoandbeyond.tumblr.com/post/17727553827/statue-of-sanada-yukimura-outside-of-ueda-station
ซานาดะ ยุกิมุระ จากมังงะเรื่อง Samurai Deeper Kyo
ขอบคุณภาพจาก
http://arkady.centerblog.net/rub-samurai-deeper-kyo-samurai-vs-demon-.html
เอกณัฏฐ์ สวัสดิ์หิรัญ TPA Press